ค่า Swap คิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของทั้งสองสกุลเงิน โดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะสูงกว่าสำหรับสกุลเงินที่มีค่าเงินอ่อนกว่า ค่า Swap จะถูกเรียกเก็บหรือจ่ายให้กับนักลงทุนตามตำแหน่งของพวกเขา ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า EUR/USD และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของยูโรสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนจะได้รับค่าสวอป

ในทางกลับกัน หากนักลงทุนขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า EUR/USD และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของยูโรต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนจะต้องจ่ายค่าสวอป

การคำนวณค่า Swap มีดังนี้:

ค่า Swap = (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสกุลเงินหลัก – อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสกุลเงินรอง) * จำนวนล็อต * ขนาดสัญญา * ราคาตลาด

ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของยูโรอยู่ที่ 0.01% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 0.02% ค่าสวอปสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า EUR/USD หนึ่งล็อตที่มีมูลค่า 100,000 ยูโรจะอยู่ที่ประมาณ 0.01% * 1 * 100,000 * 1.1250 = 11.25 USD

ค่า Swap จะถูกเรียกเก็บหรือจ่ายหนึ่งครั้งต่อวันต่อสัปดาห์เมื่อมีการต่อฐานะสัญญา ยกเว้นวันพุธ ซึ่งมีการเรียกเก็บหรือจ่ายสามครั้ง (เช่น 7 สวอปใน 5 วันทำการซื้อขาย)

ค่า Swap อาจส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนของนักลงทุนในระยะยาว ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า EUR/USD ไว้เป็นเวลานานและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของยูโรสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนจะได้รับเงินจากค่าสวอป ซึ่งจะช่วยลดผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลงของ EUR/USD

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า EUR/USD ไว้เป็นเวลานานและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของยูโรต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนจะต้องจ่ายเงินจากค่าสวอป ซึ่งจะเพิ่มผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลงของ EUR/USD

นักลงทุนควรพิจารณาค่าสวอปเมื่อทำการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าค่าสวอปสามารถส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนในระยะยาว